ความเป็นมาของฟุตบอลโลก
ความเป็นมาของฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่าเวิร์ดคัพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศมีทีมชาติชายเข้าร่วมการแข่งขันในกลุ่มสมาชิก เป็นการจัดการแข่งขันขึ้นทุกๆ 4 ปี เริ่มครั้งแรกปี คริสต์ศักราช 1930 แต่มีการยกเว้น ในปี คริสต์ศักราช 1942 และ1946 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 รูปแบบการแข่งในปัจจุบันประกอบด้วย 32 ทีม
เพื่อเข้าร่วมแข่งในประเทศที่เป็นเจ้าภาพการแข่ง21ครั้ง มีชาติที่ ชนะเลิศการแข่ง ทั้งสิ้นได้แก่ ทีมชาติบราซิล 5ครั้งทีมชาติเดียวที่ลงแข่งทุกครั้งทีอืนก็มี ทีมชาติอิตาลีและทีมชาติเยอรมนี 4ครั้ง ทีมชาติอาร์เจนตินา ทีมชาติอุรุกวัย และทีมชาติฝรั่งเศส 2ครั้ง และทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติสเปน 1 ครั้ง
การแข่งขันฟุตบอลโลกถือได้ว่าเป็นการแข่งที่มีจำนวนผู้ชมมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ราว 715.1ล้านคนแล้วเคยมีประเทศที่เป็นเจ้าภาพมาแล้ว 17 ชาติตั้งแต่ คริสต์ศักราช 1930 ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งต่อไปคือประเทศกาตาร์ในปี2022 และในปี2026 จัดขึ้นที่ประเทศแคนนาดา สหรัฐอเมริกา และแม็กซิโกในฐานะเจ้าภาพร่วม การแข่งขันฟุตบอลนานาชาติชุดก่อนจัดขึ้นครั้งแรกที่กลาสโกว์ระหว่างสก็อตแลนด์กับอังกฤษและในการแข่งขันชิงชนะเลิศระหว่างประเทศครั้งแรกที่ชื่อ บริติชโฮมแชมเปียนชิป ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1884 กีฬาฟุตบอลเติบโตในส่วนอื่นของโลก
นอกเหนือจากอังกฤษในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ มีการแนะนำกีฬาและแข่งขันประเภทนี้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1900 และ 1904 และที่กีฬาโอลิมปิกซ้อน 1906 หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ ฟีฟ่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1904 ได้มีการพยายามจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศระหว่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศที่เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ปี 1906 ที่สวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศในยุคแรก ๆ แต่ประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ
ของฟีฟ่าอธิบายว่าการแข่งขันนั้นล้มเหลวไป
โอลิมปิกฤดูร้อน 1908 ในกรุงลอนดอน ฟุตบอลถือเป็นหนึ่งในกีฬาที่แข่งขันอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นโดยสมาคมฟุตบอล อังกฤษได้ดูแลในการจัดการแข่งขัน โดยผู้แข่งขันเป็นมือสมัครเล่นเท่านั้นและดูเป็นการแสดงมากกว่าการแข่งขัน โดยบริเตนใหญ่ แข่งขันโดยทีมฟุตบอลสมัครเล่นทีมชาติอังกฤษ ได้รับเหรียญทองในการแข่งขัน ต่อมาในโอลิมปิกฤดูร้อน 1912 ที่สต็อกโฮล์มก็มีจัดขึ้นอีก โดยการแข่งขันจัดการโดยสมาคมฟุตบอลสวีเดนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งแข่งขันฟุตบอล
เฉพาะในทีมสมัครเล่น เซอร์โทมัส ลิปตัน
ได้จัดการการแข่งขันที่ชื่อ การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเซอร์โทมัสลิปตัน จัดขึ้นในตูรินในปี 1909 เป็นการแข่งขันระหว่างสโมสร ไม่ใช่ทีมชาติ จากหลาย ๆ ประเทศ บางทีมเป็นตัวแทนของแต่ละประเทศ การแข่งขันครั้งนี้บางครั้งอาจเรียกว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก มีทีมอาชีพเข้าแข่งขันจากทั้งในอิตาลี เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ แต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษปฏิเสธที่จะร่วมในการแข่งขันและไม่ส่งทีมนักฟุตบอลอาชีพมาแข่ง ลิปตันเชิญสโมสรเวสต์อ็อกแลนด์ทาวน์ จากมณฑลเดอแรม เป็นตัวแทนของอังกฤษแทน
ซึ่งสโมสรเวสต์อ็อกแลนด์ทาวน์
ชนะการแข่งขันและกลับมารักษาแชมป์ในปี 1911 ได้สำเร็จฟีฟ่าได้จำแนกการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกว่าเป็น “การแข่งขันชิงแชมป์สำหรับมือสมัครเล่น” และลงรับผิดชอบในการจัดการการแข่ง และนี่เป็นการปูทางให้กับการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทวีปเป็นครั้งแรก โดยในโอลิมปิกฤดูร้อน 1920 ที่มีทีมแข่งขันอย่างอียิปต์และทีมจากยุโรปอีก 13 ทีม มีผู้ชนะคือทีมเบลเยี่ยม ต่อมาทีมอุรุกวัย ชนะในการแข่งขันฟุตบอลในโอลิมปิกในอีก 2 ครั้งถัดไปคือในปี 1924 และ 1928 และในปี 1924 ถือเป็นยุคที่ฟีฟ่าก้าวสู่ระดับมืออาชีพ
สนามกีฬาเอสตาเดียวเซนเตนาเรียว
สถานที่การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930 ที่เมืองมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัยจากความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลในโอลิมปิก ฟีฟ่าพร้อมด้วยประธานที่ชื่อ ชูล รีเม ได้ผลักดันอีกครั้งโดยเริ่มมองหาหนทางในการจัดการแข่งขันนอกเหนือการแข่งขันโอลิมปิก ในวันที่ 28 พฤษภาคม 1928 ที่ประชุมฟีฟ่าในอัมสเตอร์ดัมตัดสินใจที่จะจัดการแข่งขันด้วยตัวเอง กับอุรุกวัย ที่เป็นแชมเปียนโลกอย่างเป็นทางการ 2 ครั้งและเพื่อเฉลิมฉลอง 1 ศตวรรษแห่งอิสรภาพของอุรุกวัยในปี 1930 ฟีฟ่าได้ประกาศว่าอุรุกวัยเป็นประเทศเจ้าภาพ
ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก
สมาคมฟุตบอลได้ส่งหนังสือเชิญเข้าร่วมการแข่งขันแต่ยังไม่มีประเทศใดในยุโรปตอบตกลงเพราะค่าใช้จ่ายการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาก่อนการแข่งขัน 2 เดือนก็สามารถเชิญทีมจากเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส โรมาเนีย และยูโกสลาเวียร่วมทั้งหมด13 ทีม 2 นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก จัดขึ้นในวันเดียวกันเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1930 ผู้ชนะคือทีมฝรั่งเศส และทีมสหรัฐอเมริกา ชนะเม็กซิโก 4–1 และเบลเยี่ยม 3–0 ตามลำดับ โดยผู้ทำประตูแรกในฟุตบอลโลกมาจากลุกแซง โลร็องต์ จากฝรั่งเศส
ในนัดตัดสินทีมชาติอุรุกวัย
ชนะทีมชาติอาร์เจนตินา 4–2 ต่อหน้าผู้ชม 93,000 คนที่เมืองมอนเตวิเดโอ ทีมอุรุกวัยจึงเป็นชาติแรกที่ชนะการแข่งขันฟุตบอลโลกหลังสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งสหราชอณาจักรได้เข้าร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกที่ประเทศบราซิล และสหราชอณาจักรถอนตัวจากฟีฟ่าในปี1920 ด้วยสาเหตุที่ไม่พอใจกับการเล่นกับประเทศที่เคยทำสงครามด้วยและเป็นการประท้วงด้านอิทธิพลและการบังคับจากต่างชาติและเมื่อในปี 1946 หลังจากได้หนังสือเชื้อเชิญจาก ฟีฟ่าทางสหราชอาณาจักรก็ได้กลับมาลงแข่งารแข่งขัน
ทีมแชมเปียนอย่างอุรุกวัยก็กลับเข้ามาร่วม
หลังจากที่คว่ำบาตรฟุตบอลโลกก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง โดยทีมอุรุกวัยชนะในการแข่งขันอีกครั้ง หลังจากที่ชนะประเทศเจ้าภาพบราซิล นัดการแข่งขันนี้เรียกว่า มารากานาซู ระหว่างปี 1934และ1978 มีทีมที่ลงแข่ง 16 ทีมเว้นแต่ปี1938ที่เหลือ15 ทีมพอปี 1950 อินเดีย สก็อตแลนด์ และตุรกี ถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้มีทีมร่วมแข่งขันเพียง 13 ทีมที่เข้าร่วมแข่งขันส่วนใหญ่เป็นทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้

มีส่วนน้อยจากอเมริกาเหนือ แอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย
ทีมเหล่านี้มักจะแพ้อย่างง่ายดายกับทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้ จนกระทั่งในปี 1982 มีทีมนอกเหนือจากยุโรปและอเมริกาใต้ที่เข้าสอบรอบสุดท้าย คือ ทีมสหรัฐอเมริกา เข้ารอบรองชนะเลิศในปี 1930 ทีมคิวบาเข้ารอบรองชนะเลิศใน ปี 1938 ทีมเกาหลีเหนือ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศในปี 1966 และทีมเม็กซิโกเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในปี 1970 พอปี 1982 ได้มีการขยายเป็น 24 ทีมจากนั้นในปี 1998 เพิ่มเป็น 32 ทีม ผลจากการเพิ่มทีมทำให้มีทีมในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือเข้ารอบมากขึ้นและปีหลังๆทีมในภูมิภาคเหล่านี้ก็ได้ประสบผลสำเร็จมากขึ้น
การแข่งขันของฟุตบอลสำหรับผู้หญิง
คือฟุตบอลโลกหญิง จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1991 ที่ประเทศจีนฟุตบอลโลกหญิงจะมีการแข่งขันที่เล็กกว่าฟุตบอลของผู้ชาย แต่กำลังเติบโตอยู่เรื่อย ๆ มีทีมเข้าร่วมแข่งขันในปี 2007 อยู่ 120 ทีม มากกว่า 2 เท่าของในปี1991 กีฬาฟุตบอลนั้นได้มีอยู่ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนทุก ๆ ครั้ง ยกเว้นในปี 1896 และ 1932 แตกต่างจากกีฬาประเภทอื่นซึ่งในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิก ทีมที่ร่วมแข่งจะไม่ใช่ทีมระดับสูงสุด จนกระทั่งในปี 1992 ที่แต่เดิมให้ผู้แข่งขันอายุ 23 ปีเข้าแข่งขัน
แต่ก็อนุญาตให้มีผู้เล่นที่อายุมากกว่า 23 ปี
จำนวน 3 คนของแต่ละทีม ลงแข่งขันได้ส่วนฟุตบอลหญิงในโอลิมปิก แข่งขันครั้งแรกในปี 1996 เป็นการแข่งขันทีมชาติเต็มทีม ไม่มีจำกัดอายุคอนเฟเดอเรชันส์คัพ เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นก่อน 1 ปี
ที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก
ในประเทศเจ้าภาพที่จะแข่งขัน เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องฟุตบอลโลกที่จะมาถึง เป็นการแข่งขันระหว่างผู้ชนะเลิศจากแต่ละภูมิภาคทั่วโลก เอเชียนคัพ แอฟริกันคัพ โกลด์คัพ โกปาอาเมริกา เนชันส์คัพ และ ฟุตบอลยูโร พร้อมทั้งทีมที่ชนะฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดและทีมเจ้าภาพ
ชาติผู้ชนะไม่ได้กรรมสิทธิ์การครอบครองถ้วยถาวร
แต่ผู้ชนะฟุตบอลโลกจะเก็บถ้วยไว้จนกว่าจะถึงการแข่งขันครั้งต่อไป และจะได้ถ้วยจำลองจากทองผสมไปแทนในปัจจุบัน สมาชิกทุก ของทีมใน 3 อันดับแรกจะได้รับเหรียญตรารูปถ้วยฟุตบอลโลก ผู้ชนะได้เหรียญทอง รองชนะเลิศได้เหรียญเงิน และที่ 3 ได้เหรียญทองแดง นอกจากนั้นในปี 2002 มีการมอบเหรียญที่ 4 ให้ประเทศเจ้าภาพคือเกาหลีใต้ ก่อนหน้าการแข่งขันปี 1978 จะมอบเหรียญให้กับ ผู้เล่นเพียง 11 คน ในนัดสุดท้ายของการแข่งขันรวมถึงนัดการแข่งขันชิงที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายน 2007 ฟีฟ่าประกาศว่าสมาชิกทุกคนของทีมผู้ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างปี 1930 และ 1974 จะได้รับรางวัลย้อนหลังเป็นเหรียญตรา