เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
กองหลังที่ดีที่สุดของโลกเวลานี้ต้องยกให้ ปราการหลังชาวดัตช์ Virgil Van Dijk เจ้าของรางวัล PFA หรือ Player of the Year “นักเตะยอดเยี่ยมประจำพรีเมียร์ลีก” ประจำฤดูกาล 2018-2019 พร้อมกับครองสถิติกองหลังค่าตัวแพงสุดในโลกขณะนี้
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 1991 ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมือง เบรด้า ทำให้เขาเป็นคนเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เกิด โดยพ่อของเขาเป็นคนดัตช์ ส่วนคุณแม่เป็นคนจากประเทศซูรินาม ประเทศบริเวณทวีป อเมริกาใต้ ทำให้เขามีเชื้อสาย ซูรินาม จากคุณแม่
ฟาน ไดจ์ค เป็นคนที่ต้องการจะเป็นนักฟุตบอลระดับอาชีพมากๆ นอกจากจะทำงานเสริมในช่วงที่ยังไม่เป็นนักบอลอาชีพ แต่หลังเลิกงานเสริม ฟาน ไดจ์ค จะไปฝึกเล่นบอลทุกวัน ก่อนที่จะได้
เข้าสู่ศูนย์ฝึกของทางสโมสร วิลเลี่ยม ทเว ทู ในปี 2009-2010 ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางนักเตะอาชีพ กับสโมสรแรกในชีวิต
หลังจากปราการหลังชาวดัตช์ลายนี้เข้าสู่ศูนย์เยาวชน วิลเลี่ยม ทเว ทู เพียงปีเดียวก็ได้ย้ายมาเซ็นสัญญานักเตะอาชีพ กับทางสโมสร โกรนิงเก้น (Groningen) ปี 2010 ก่อนที่จะมีโอกาส
2011 ลงเล่นในฐานะนักเตะตัวสำรอง นาทีที่ 72 ของเกมการแข่งขัน
เวอร์จิล ลงเล่นกับ โกรนิงเก้น เพียง 2 ฤดูกาล ก่อนที่จะถูก กลาสโกว์ เซลติก กระชากตัวไปบัญชาแนวหลัง ด้วยค่าตัวเพียง 2.6 ล้านปอนด์ ในวันที่ 21 มิถุนายน 2013 พร้อมเซ็นสัญญานานถึง 4 ปี
ลงประเดิมเกมแรกให้กับทางสโมสร
วันที่ 17 สิงหาคม 2013 และอีกครั้งที่ได้ประเดิมสนามกับสังกัดใหม่ด้วยฐานะตัวสำรอง โดยเขาได้ลงเล่น 13 นาทีสุดท้าย กับเกมที่ เซลติก เอาชนะ อ
เบอร์ดีน ไป 2-0 ก่อนที่เกมถัดมา ฟาน ไดจ์ค ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงกับเกมที่ เซลติก ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ อินเวอร์เนสส์ ก่อนที่ผลการแข่งขันจะจบลงด้วยผลเสมอ 2-2
ประตูแรกของ ฟาน ไดจ์ค กับ เซลติก เกิดขึ้นวันที่ 9 พฤศจิกายน 2013 ภายในสีเสื้อของ เซลติก เขาโหม่งทำประตู ช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ รอสส์ เคาน์ตี้ ไปด้วยจำนวนประตู 4-1 ก่อนที่จะ
ฟอร์มเข้าฟัก มาทำประตูสุดสวยได้อีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นโซโล่ลากบอลขึ้นไปเดี่ยวๆ ก่อนที่จะทำประตูได้สำเร็จ ก่อนที่จะพาทีมเอาชนะ เซนต์ จอห์นสโตน ไปได้ เพียงฤดูกาลเดียว
เท่านั้น ปราการหลังชาวดัตช์ รายนี้ก็ก้าวขึ้นไปติดทีมยอดเยี่ยมของ ลีก สก็อตแลนด์ ทันที
ต่อมาในฤดูกาลที่สองกับ กลาส โกว์ เซลติก ฟาน ไดจ์ค กลายเป็นตัวหลักของทีมอย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ ในฤดูกาลนี้เขาได้มีโอกาสพบเจอกับยอดทีมของยุโรปมากมาย โดยเฉพาะในศึก
ยูโรป้า ลีก ในเกมที่เขาพบกับอินเตอร์ มิลาน เขาถูกไล่ออกตั้งแต่นาทีที่ 36 ของเกมนั้น จนทำให้ทีมพ่ายแพ้ไป ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย
เขาลงเล่นให้กับทาง เซลติก ถึง 2 ฤดูกาล คือ ฤดูกาล 2013-2014 และฤดูกาล 2014-2015 เล่นไปด้วยกัน 115 รวมทุกรายการกับ เซลติก พร้อมกับคว้าแชมป์และประสบความสำเร็จกับเซลติก ดังนี้
– สกอตติชพรีเมียร์ชิป (Scottish Premiership) : ฤดูกาล 2013-14, 2014-15
– สกอตติช ลีก คัพ (Scottish League Cup) : ฤดูกาล 2014-15
หลังจาก ฟาน ไดจ์ค ประสบความสำเร็จอย่างมากมายกับ กลาสโกว์ เซลติก แต่ในปีต่อมาฤดูกาล 2015-2016 หลังจาก เซลติก พ่ายแพ้และตกรอบคัดเลือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทาง
นักเตะได้ออกมาพูดถึงอนาคตของตัวเอง และเปิดโอกาสที่จะไปลงเล่นสโมสรอื่นบนทวีปยุโรป เพื่อหาประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าให้ดียิ่งขึ้น
และแล้ววันแห่งการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางชีวิต รวมถึงการเดินทางใหม่ๆ บนเส้นทางนักฟุตบอลของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็เดินทางมาถึง วันที่ 1 กันยายน 2015 ยอดกองหลังรายนี้
ตัดสินใจเซ็นสัญญา 5 ปี กับเจ้านักบุญ เซาแธมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน ด้วยค่าตัวกว่า 13 ล้านปอนด์
ฟาน ไดจ์ค ได้ออกสตาร์ทลงเป็นตัวจริงครั้งแรกวันที่ 12 กันยายน 2015 โดยพบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ผลสกอร์เสมอ 0-0 แต่เพียงสองสัปดาห์ต่อมาเท่านั้น เขาก็สามารถทำประตูแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ด้วยการโหม่งทำประตูจากลูกตั้งเตะ ช่วยให้ทีมเอาชนะ สวอนซี ซิตี้
ไปได้ 3-1 ต่อมาได้รับตำแหน่งตัวจริงจาก เซาท์แธมป์ตัน พร้อมกับสัญญาใหม่ในเดือน พฤษภาคม ปี 2016 จาก “นักบุญ” ยาวกว่า 6 ปีเลยทีเดียว
รับบทบาทกัปตันทีมของทัพนักบุญ
ฤดูกาลที่สอง 2016-2017 กับเซาแธมป์ตัน ทาง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้รับบทบาทสำคัญมากขึ้นบนเวทีพรีเมียร์ลีก ด้วยการสวมปลอกแขนกัปตันทีม หลังจากการย้ายไปของกัปตันทีมคนเก่า
โชเซ่ ฟอนเต้ และนับว่าเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จมากๆ จนทำให้ทีมยักษ์ทั่วยุโรปต้องการดึงตัวไปร่วมทัพมากมาย โดยเฉพาะคู่แข่งร่วมลีกอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
แต่ด้วยการที่ลิเวอร์พูลประการความสนใจมากจนเกินไป ทำให้ถูกทาง เซาแธมป์ตัน เกิดความ
ไม่พอใจสุดๆ จนลิเวอร์พูล ต้องออกมาขอโทษทางสโมสรเซาแธมป์ตัน และสัญญาว่าจะไม่ดึง ฟาน ไดจ์ค ในฤดูกาลนี้ แต่ทาง ฟาน ไดจ์ค เองก็ยังคงแสดงความปรารถนา ที่จะย้ายสโมสรอยู่เช่นเดิม