Motorsport กีฬาแข่งขันความเร็ว
Motorsport กีฬาแข่งขันความเร็ว
คำว่า Motorsport อาจจะเป็นคำที่คุ้นหูของใคร ๆ หลายคน ว่าคือกีฬาการแข่งขันความเร็วสุดเร้าใจและตื่นเต้นของยานพาหนะที่มีเครื่องยนต์เป็นส่วนประกอบ แล้วรู้กันหรือไม่ครับว่า กีฬาชนิดนี้มีการแข่งขันอะไรบ้าง ทำไมถึงกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และมีผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจติดตามการแข่งขันอยู่ตลอด วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเจ้ากีฬา Motorsport นี้กันครับ
รู้จัก Motorsport มีการแข่งขันประเภทอะไรบ้าง
ต้องบอกว่า Motorsport เป็นการแข่งขันความเร็วที่รวบรวมยานยนต์เกือบทุกประเภทไว้ด้วยกัน ภายใต้การดูแลของ สหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ (Federation of International Motorcycling) หรือ FIM ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันรถยนต์ อย่างรายการ Indy 500, 24 Hours of Le Mans และ Formula One (F1) รวมถึงการแข่งขันเครื่องบิน รายการ Air Race หรือ F4 Powerboat รายการแข่งขันความเร็วประเภทเรือ และการแข่งขันเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อย่างรายการ World Superbike และ MotoGP ซึ่งประเภทการแข่งขันที่ได้รับความนิยมมีผู้คนให้ความสนใจและติดตามข่าวสารการแข่งขันอยู่ตลอดนั้นก็คือ การแข่งขันประเภทรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งวันนี้เราจะขอพูดถึงในส่วนของ การแข่งขันประเภทรถมอเตอร์ไซค์ กันนะครับ เพราะเร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยเรากำลังจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน Motorsport ระดับโลก ส่วนจะเป็นรายการแข่งขันอะไรนั้นต้องติดตามอ่านกันต่อในบทความนี้เลยครับ
การแข่งขัน Motorsport ประเภทรถมอเตอร์ไซค์
สำหรับ Motorsport ประเภทมอเตอร์ไซค์นี้ก็มีหลากหลายรายการแข่งขัน ซึ่งมีทั้งทางฝุ่นและทางเรียบ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีรายการแข่งขันแยกไปอีกมากมายจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันครับ
- การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางฝุ่น
– Dakar Rally คือการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์แรลลี่วิบากระยะทางไกล และโหดที่สุดเพราะ สนามแข่งคือทะเลทราย และต้องเจอกับสภาพถนนที่มีทั้งทางเรียบ ทางฝุ่น ทางหินกรวด ขึ้นหุบเขาหน้าผาที่สูงชัน รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้จะเป็น รถมอเตอร์ไซค์วิบาก นิยมใช้เครื่องยนต์ขนาด 450cc 1 สูบ 4 วาล์ว มีระบบระบายความร้อน และติดตั้งระบบ GPS ที่บอกพิกัดเส้นทางอย่างละเอียด
– MXGP/MX2 คือการแข่งขัน Motocross หรือ รถมอเตอร์ไซค์วิบาก ที่ต้องบุกน้ำลุยไฟ กระโดดขึ้นที่สูง สนามแข่งเป็นถนนขรุขระมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เพื่อสร้างความลำบากให้กับนักแข่ง รถที่ใช้จะเป็นรถสูตร เน้นการขับขี่แข่งในสนาม ถูกปรับแต่งให้ไม่มีไฟหน้า ไม่ท้าย เพื่อให้รถมีน้ำหนักเบา คล่องตัวในการขับขี่ ลักษณะล้อเป็นล้อหนาม เพื่อขับขี่ได้หลากหลายกับทุกสภาพถนน
– Enduro คือการแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากเช่นกัน แต่จะเป็นการแข่งที่มีระยะทางไกลกว่า Motocross ส่วนรถที่ใช้จะคล้าย ๆ กัน แต่ในส่วนเครื่องยนต์จะมีรอบเครื่องที่ต่ำกว่า เพื่อให้สามารถวิ่งได้ระยะที่ไกลกว่านั่นเอง
– Trial Bike คือ การแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากที่ไม่มีเบาะสำหรับนั่ง รถที่ใช้จะมีน้ำหนักเบา เครื่องยนต์ไม่แรงและเร็วเหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ใช้ทักษะการทรงตัวให้บาลานส์เพื่อควบคุมทิศทาง เช่น ขี่ขึ้นเขา หรือสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่
- การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ
– Endurance World Champion (EWC) คือการแข่งขันมอเตอร์ไซค์สุดโหด ที่แข่งมาราธอนยาว 4 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมง โดยที่ระหว่างการแข่งขันห้ามมีการเปลี่ยนรถ แต่สามารถเปลี่ยนนักแข่งได้สูงสุด 3 คน ความพิเศษของการแข่งขันประเภทนี้ที่เป็นไฮไลท์คือ นักแข่งทุกคนจะต้องไปประจำที่เส้นฝั่งตรงข้ามกับรถ และเมื่อเริ่มการแข่งขันแล้วก็ต้องวิ่งไปที่รถเพื่อขับขี่ออกไป การแข่งประเภทนี้ต้องอาศัยความอดทนของทั้งรถและนักแข่ง เพราะเน้นการวิ่งระยะยาว ดังนั้นต้องรักษาความเร็วในการขับขี่ให้ได้สม่ำเสมอ นักแข่งเองก็ต้องเตรียมดูแลร่างกายมาเป็นอย่างดีให้พร้อมกับการแข่ง ทีมงานช่างทุกคนก็ต้องฝึกฝนให้มีความเชี่ยวชาญและรวดเร็วในการดูแลรถในระหว่างการแข่งขัน ทั้งการเปลี่ยนยาง เติมน้ำมัน ฯลฯ
– World Superbike คือการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่เน้นความเร็ว เป็นการนำรถ SuperSport ที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด มาปรับแต่งสมรรถนะ เพื่อนำไปลงแข่งในสนาม เพื่อให้ทุกค่ายรถมอเตอร์ไซค์ มีโอกาสที่จะลงแข่งขันเท่า ๆ กัน โดยการแข่งขันนั้นจะใช้เครื่องยนต์สูงสุด 4 สูบ พิกัด 750 และ 1,200cc ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 2 Race หรือ 2 สนาม เสน่ห์ของการแข่งขันนี้คือ เป็นการแข่งขันที่วัดกันที่เวลาและความเร็ว ดังนั้นนักแข่งทุกคนต้องทำเวลาให้เร็วที่สุดในแต่ละรอบสนาม ผ่านทั้งทางตรง ทางโค้งต่าง ๆ ต่อสู้กับคู่แข่งเพื่อชิงเป็นอันดับหนึ่งในการเข้าเส้นชัยให้ได้
– MotoGP คือการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่เน้นความเร็วเช่นเดียวกับ World Superbike แต่แตกต่างตรงที่ รถที่ใช้แข่งถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งโดยเฉพาะ
ซึ่งจากการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทั้งทางฝุ่นและทางเรียบที่กล่าวมาข้างต้น รายการที่ติดหูและเป็นที่รู้จักก็ต้องยกให้ การแข่งขันรายการ MotoGP ที่ถือว่าเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ที่พิเศษ โด่งดังและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ส่วนจะมีความพิเศษอย่างไรนั้นไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันครับ
MotoGP การแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ที่เก่าแก่ที่สุด
MotoGP เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1949 ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬารถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตระดับโลกที่เก่าแก่ที่สุด โดยแรกเริ่มใช้ชื่อว่า การแข่งขัน กรังด์ปรีซ์มอเตอร์ไซค์เคิลเรซซิ่ง (Grand Prix Motorcycle Racing) ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็น MotoGP ในภายหลัง ซึ่งรถที่นำมาใช้ในการแข่งขันนั้น เป็นรถที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งโดยเฉพาะ หรือที่เรียกกันว่า “รถต้นแบบ” โดยการแข่ง MotoGP จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบสูตรหนึ่ง หรือ ออกมาเพื่อแข่งขันโดยเฉพาะไม่มีการวางจําหน่ายในตลาด โดยทำการแข่งขันกันทั้งหมด 1 Race หรือ 1 สนาม และความพิเศษอีกอย่างคือ เป็นการแข่งขันชิงแชมป์ที่สำคัญที่สุดของรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ เพราะเป็นการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดและยังได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้น ๆ ของการแข่งขันความเร็วประเภทรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบัน ซึ่งในปัจจุบันมีการแข่งกันอยู่ 3 รุ่น คือ Moto3, Moto2 และ MotoGP
- Moto3 การแข่งขันที่ใช้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 250cc 1 สูบ โดยเครื่องยนต์แต่ละทีมสามารถออกแบบได้เอง เป็นรายการสำหรับนักบิดหน้าใหม่ รุ้กกี้ที่เตรียมผลักดันให้ลงทำการการแข่งขันต่อไปในระดับที่สูงขึ้น
- Moto2 การแข่งขันที่ใช้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 600cc 4 สูบ โดยทุกทีมจะต้องใช้เครื่องยนต์ของ Honda ลงทำการแข่งขัน โดยทาง Honda จะแจกเครื่องยนต์ให้กับทุกทีมและสามารถนำไปปรับแต่งได้ภายในกติกากำหนด
- Moto GP การแข่งขันที่ใช้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1000cc 4 สูบ เครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่อง V ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาให้วางทำมุมกันราว ๆ 45 องศา โดยวัดจากแนวตั้งฉากของแนวชักลูกสูบ ซึ่งมีการจุดระเบิดกันตามมุมองศา และรอบเครื่องตามที่ผู้ผลิตแต่ละเจ้าออกแบบมา หรือเครื่อง In-Line ที่เป็นเครื่องยนต์แบบกระบอกสูบเรียง
MotoGP เป็นการแข่งขันแบบสะสมแต้มเพื่อชิงเแชมป์โลกการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ซึ่งการแข่งขันแต่ละสนามใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน แบ่งเป็น
วันที่ 1 : Practice Day หรือ Free Practice คือการซ้อมขับขี่ โดยจะขับขี่ทั้งหมด 2 ครั้ง เรียกว่า FP1 และ FP2
วันที่ 2 : Qualifying Day คือ การขับขี่เพื่อชิงอันดับกริดสตาร์ต โดยจะขับขี่ทั้งหมดคือ FP3, FP4, Q1 และ Q2 โดย ในรอบ Q1 จะคัดนักแข่งที่ทำเวลาดีที่สุด 2 อันดับแรก เข้าไปแข่งรอบ Q2 สำหรับผู้ที่ได้อันที่ 3 เป็นต้นไป ก็จะถูกเรียงตามลำดับกริดสตาร์ตตั้งแต่ 13,14,15,16 ไปเรื่อย ๆ จนลำดับสุดท้าย ส่วนรอบ Q2 จะคัดนักแข่งที่เวลาดีที่สุด 10 ลำดับแรกจากการซ้อมทั้ง 3 รอบ และนักแข่ง 2 ลำดับแรก จาก Qualifying Q1 รวมทั้งหมด 12 คน มาแข่งขันเพื่อจัดอันดับสตาร์ทลำดับ 1-12
วันที่ 3 : Race Day หรือวันแข่งขัน จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 : Warm up ในรอบนี้เป็นการอุ่นเครื่องวอร์มอัพ และการปรับเซ็ทรถเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการแข่งขันในช่วงบ่ายนั่นเอง
ช่วงที่ 2 : Race (การแข่งขัน) คือเข้าสู่ช่วงการแข่งขันจริง ในรอบนี้จะให้นักแข่งขี่วอร์มอัพก่อน 1 รอบ หากรถเกิดปัญหา สามารถเข้าไปเปลี่ยนรถที่พิทได้ แต่ตอนออกสตาร์ทต้องออกสตาร์ทจากพิทเลนเท่านั้น